เหยี่ยวแดง Haliastur indus (Brahminy Kite )
เป็นเหยี่ยวที่จำแนกชนิดได้ง่ายมากๆชนิดหนึ่ง เพราะไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครเลย ตัวเต็มวัยมีหัว คอ และ หน้าอก เป็นสีขาว แต่ก้านขนเป็นสีค่อนข้างดำจึงดูคล้ายกับว่ามีลายดำๆ ลางๆ ปนอยู่ด้วย ขนคลุมลำตัวส่วนที่เหลือ อย่างหลัง ไหล่ ท้อง ตะโพก ปีก โคนขาเป็นสีน้ำตาลปนแดง เป็นที่มาของชื่อเหยี่ยวแดง ปากสีคล้ำ ขา และนิ้วเท้าเป็นสีเหลืองหม่น ตัวผู้และตัวเมียคล้ายกันเพียงแต่ตัวเมียมีขนาดตัวที่โตกว่า คือประมาณ 51 เซ็นติเมตร ขณะที่ตัวผู้มีความยาวจากปลายปากจรดปลายหางประมาณ 43 เซ็นติเมตร
แต่ถ้า. . เหยี่ยวแดงตัวไม่เต็มวัยกลับเป็นนกที่จำแนกชนิดได้ยากกว่า โดยไปมีลักษณะคล้ายเหยี่ยวอื่นๆอย่างเหยี่ยวดำ( black kite) หรือ เหยี่ยวทุ่ง ( Eastern Marsh Harrier )
นกวัยเด็กของเหยี่ยวแดงมีส่วนบนของลำตัวสีน้ำตาลคล้ำ แต่บริเวณหัวและคอ มีสีจางเล็กน้อยและมีลายขีดสีจางๆ ยกเว้นขนคลุมหูซึ่งมีสีเข้มออกดำ คางและใต้คอมีสีน้ำตาลจางๆ ส่วนล่างของลำตัวที่เหลือมีสีน้ำตาลจางๆแต่มีลายกว้างๆสีน้ำตาลจางๆ ยกเว้นบริเวณกึ่งกลางท้องและขนคลุมใต้โคนหาง ซึ่งมีสีน้ำตาลจางๆด้านใต้ปีกมีแถบขาว บริเวณโคนขนปลายปีก
ขณะบินเหยี่ยวแดงจะยกปีกออกเกือบ จะอยู่ในระดับเดียวกับลำตัว บินค่อนข้างช้า และ กระพือปีก สลับกับการร่อนไปเรื่อยๆ
เหยี่ยวแดงเป็นนกประจำถิ่น มักพบได้บ่อยในเขตการแพร่กระจายพันธุ์ และมักเห็นบินร่อนอยู่เหนือตอนล่างของแม่น้ำสายใหญ่ๆ ตามปากแม่น้ำที่ไหลลงทะเล รอบๆเกาะ และหมู่เกาะต่างๆที่ใกล้ๆชายฝั่งทะเล แต่บริเวณที่จะ พบเห็นเหยี่ยวแดงได้บ่อยๆจะต้องเป็นท่าเรือซึ่งมีเรือประมง และเรือเดินสมุทรมาเทียบท่า ทั้งนี้เพราะเหยี่ยวแดงมีนิสัยชอบโฉบเฉี่ยวกินปลาหรือซากสัตว์อื่นๆที่ลูกเรือทิ้งลงน้ำไปในเวลาที่เรือเดินสมุทรมาเทียบท่า เราจึงมักเห็นเหยี่ยวแดงบินอยู่เหนือและรอบๆเรือพอลูกเรือโยนปลา หรือซากสัตว์อื่นๆลงน้ำ เหยี่ยวแดงก็จะพุ่งตัวลงไปที่ผิวน้ำแล้วใช้กรงเล็บขยุ้มซากนั้นขึ้นมากินทันที โดยที่ตัวของมันไม่เปียกน้ำเลย แต่มันก็กินปลาเป็นๆที่มันบินทิ้งตัวลงมาที่ผิวน้ำโดยไม่ต้องชะลอหรือบินนิ่งๆก่อนเลย แล้วก็ใช้กรงเล็บจับปลาที่ผิวน้ำโดยที่ตัวของมันไม่แตะผิวน้ำเลย พอขยุ้มจับปลาได้แล้วก็รีบบินขึ้นสู่ท้องฟ้าทันทีและเอี้ยวตัวลงมาที่เท้า เพื่อใช้จงอยปากฉีกกินปลากลางอากาศจนกระทั่งหมดตัว ขณะที่มันจับปลา เหยี่ยวแดงจะจับปลาไว้แนบกับท้องและหัวปลาจะยื่นไปข้างหน้าเสมอ เช่นเดียวกับเหยี่ยวชนิดอื่นๆโดยเฉพาะเหยี่ยวออสเปรและ นกออก( White - bellied Sea - Eagle )ซึ่งเลี้ยงชีวิตด้วยปลาเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เหยี่ยวแดงที่อาศัยหากินในแผ่นดินก็กินอาหารอย่างอื่นเช่น กบ เขียด ลูกไก่ นกเล็ก หรือแม้กระทั่งค้างคาวด้วย โดยการบินโฉบลงมาจับอาหาร ด้วยกรงเล็บที่แหลมคมที่ทิ่มแทง เหยื่อของเหยี่ยวแดงมักได้รับบาดเจ็บหรือตายเมื่อถูกโฉบขึ้นไปในทันทีเสมอ
มีเพื่อน สมาชิกท่านนึง เคยได้ พบเห็น เหยี่ยวแดง ลงมาโฉบกิน ลูกลิง (ในต่างประเทศ)
ไว้จะขอรูปมาให้ ดูนะครับ
เหยี่ยวแดงทำรังวางไข่ในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม โดยเค้ามักทำรังบนยอดไม้สูง หากอยู่ตามชายฝั่งก็มักทำรังบนต้นโกงกาง สูงจากพื้นดินประมาณ 7-12 เมตร โดยจะนำกิ่งไม้แห้งๆมาขัดสานกันไว้หยาบๆบนง่ามไม้จนซ้อนทับกันหนาและค่อนข้างแข็งแรง กลางรังเป็นแอ่งเล็กน้อยลึกราว 10 - 15 ซม.และนำวัสดุต่างๆที่อ่อนนุ่มมารองรัง วางไข่ประมาณ 1-4 ฟอง เหยี่ยวตัวเมียมีหน้าที่ฟักไข่ซึ่งใช้เวลาเกือบเดือน โดยตัวผู้จะหาอาหารมาป้อน หรือบางทีเหยี่ยวตัวเมียออกไปหาอาหารเอง ตัวผู้ก็จะเข้ามาฟักแทน เมื่อลูกนกออกจากไข่ ตัวผู้จะหาอาหารมาให้ตัวเมียป้อนลูก เมื่อลูกโตขึ้นอีกก็จะช่วยกันหาอาหารมาป้อนทั้ง 2 ตัว เมื่อลูกโตประมาณ 30-45 วันก็พร้อมที่จะออกมาหัดบิน
โดยflybom@SFCภาพเหยี่ยวแดงวัยต่างๆๆ
นักวิทยาศาสตร์จำแนกเหยี่ยวแดงออกเป็น 4 ชนิด ในประเทศไทยพบเพียง 2 ชนิดเท่านั้น คือ เจ้าเหยี่ยวแดงพันธุ์อินเดีย (Brahminy Kite) ชื่อวิทยาศาสตร์ Haliastur indus อีกชนิดคือ เหยี่ยวแดงพันธุ์มลายู ชื่อวิทยาศาสตร์ Haliastur indus intermedius ส่วนอีก 2 ชนิดที่ไม่พบในประเทศไทยคือ เหยี่ยวแดงพันธุ์นิวกินี ชื่อวิทยาศาสตร์ Haliastur indus girrnera และเหยี่ยวแดงพันธุ์โซโลม่อน ชื่อวิทยาศาสตร์ Haliastur indus flairrastris
ฤดูผสมพันธ์จะอยู่ในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม จะพบมากเฉพาะภาคกลางและภาคใต้ ชายฝั่งทะเล ปากแม่น้ำ แหล่งจับปลา อยู่ใกล้แหล่งน้ำอย่างนี้อาหารของมันก็ไม่พ้นปลาหรอกครับ แล้วก็มีสัตว์ขนาดเล็ก มันจะทำรังสูงจากพื้นดินประมาณ 7-12 เมตร วางไขครั้งละประมาณ 1-4 ฟอง แต่มักจะเหลือรอดอยู่เพียง 1-2 ตัวเท่านั้นเอง โดย daxter